ถังเก็บน้ำ

การใช้ถังเก็บน้ำในประเทศไทยมีความสำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรที่เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตของทุกคน การมีถังเก็บน้ำที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ มีความสำคัญต่อการเผชิญหน้ากับปัญหาขาดแคลนน้ำ และการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น กรณีที่น้ำประปาไม่ไหล หรือการสำรองน้ำไว้ใช้สำหรับการเกษตร ถังเก็บน้ำมีหลากหลายประเภทซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้งาน และรวมถึงกฎหมายสำหรับการกักเก็บน้ำต่างๆ

ความสำคัญของถังเก็บน้ำ

สำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีที่น้ำไม่ไหล

นกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ท่อประปาแตก การประปาหยุดจ่ายน้ำชั่วคราว การมีถังเก็บน้ำไว้สำรอง จะช่วยให้เรามีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภคได้โดยไม่ต้องกังวล

ช่วยถนอมการใช้งานของปั๊มน้ำ

การใช้น้ำโดยตรงจากท่อประปาโดยไม่ผ่านถังเก็บน้ำ จะทำให้ปั๊มน้ำต้องทำงานหนักอยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของปั๊มน้ำ การมีถังเก็บน้ำจะช่วยลดภาระการทำงานของปั๊มน้ำ ทำให้ปั๊มน้ำมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

ช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างคุ้มค่าเต็มหน่วยมิเตอร์

การใช้น้ำโดยตรงจากท่อประปา อาจใช้น้ำเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว การมีถังเก็บน้ำจะช่วยให้เราควบคุมการใช้น้ำได้ง่ายขึ้น และคุ้มค่าเต็มหน่วยมิเตอร์

พักตะกอน และสิ่งสกปรกจากท่อน้ำประปา

น้ำประปาอาจมีตะกอน และสิ่งสกปรกปนเปื้อนอยู่ การมีถังเก็บน้ำจะช่วยให้ตะกอน และสิ่งสกปรกเหล่านี้ตกตะกอนลงสู่ก้นถัง ทำให้น้ำที่ใช้สะอาดยิ่งขึ้น

การปฏิบัติตามข้อบังคับกฎหมาย

ในบางพื้นที่ กฎหมายกำหนดให้มีถังเก็บน้ำสำรองไว้ตามขนาดของบ้าน การไม่มีถังเก็บน้ำอาจทำให้ถูกปรับได้

อุตสาหกรรมการผลิตถังเก็บน้ำในประเทศไทย

การผลิตถังเก็บน้ำในประเทศไทยมีความก้าวหน้า และพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านวัสดุ เทคโนโลยีการผลิต และการออกแบบที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งได้มีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของทุกภาคส่วน ทั้งในด้านคุณภาพ ความทนทาน และการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีการเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้น้ำอย่างยั่งยืนอีกด้วย

กฎหมายการกักเก็บน้ำในประเทศไทย

  1. พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2537 
    • กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศไทย
    • กำหนดให้มีการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และเป็นธรรม
    • กำหนดให้มีการควบคุมดูแลการใช้น้ำ การกักเก็บน้ำ การระบายน้ำ
    • กำหนดให้มีการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำ

      2. ประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 

    • กำหนดมาตรฐานการก่อสร้าง การบำรุงรักษา และการใช้งานถังเก็บน้ำ
    • กำหนดคุณภาพน้ำที่ใช้ในการกักเก็บ
    • กำหนดวิธีการขออนุญาตประกอบกิจการถังเก็บน้ำ

     3. ระเบียบกรุงเทพมหานคร 

    • กำหนดให้มีการติดตั้งถังเก็บน้ำสำรองในอาคารทุกประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร
    • กำหนดขนาดถังเก็บน้ำที่เหมาะสมกับจำนวนผู้ใช้น้ำ
    • กำหนดวิธีการตรวจสอบสภาพถังเก็บน้ำ

ประเภทของถังเก็บน้ำ

ถังเก็บน้ำชนิดไฟเบอร์กลาส

ถังเก็บน้ำทรงกรวยแก้ว

ถังเก็บน้ำตั้งพื้นชนิดพีอี

ถังเก็บน้ำใต้ดินชนิดพีอี

ถังเก็บน้ำชนิดไฟเบอร์กลาสชนิดฝังดิน/บนดิน

ถังเก็บน้ำชนิดไฟเบอร์กลาส ผลิตจากไฟเบอร์กลาสเสริมแรง  ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณลักษณะเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อการใช้สอยอย่างคุ้มค่าเพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และการใช้งานรับแรงดันน้ำได้สูง ปราศจากสารพิษปลอมปนและป้องกันการกัดกร่อนหรือการเกินสนิมจากคลอรีนในน้ำประปา ดังนั้นถังเก็บน้ำ กรีนแพค  จึงมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย สำหรับใช้กักเก็บน้ำเพื่ออุปโภค นอกจากนี้ ตัวถังยังมีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้งกับระบบน้ำใช้ของอาคาร และมีให้เลือกหลายขนาดตามความเหมาะสม

ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส ทรงกรวยแก้ว

ถังเก็บน้ำตั้งพื้นชนิด PE

ถังเก็บน้ำตั้งพื้นชนิด PE ถังเก็บน้ำตั้งพื้นสำรองน้ำใช้ ผลิตด้วยวัสดุโพลิเอธิลีน (POLYETHYLENE) เป็นวัสดุที่มีความคงทน แข็งแรง ทนแดด ทนฝน ตัวถังมีความยืดหยุ่น รับแรงกระแทกได้ดีวัสดุได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.816-2556 ไม่มีสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ไม่กรอบแตกง่าย ใส่น้ำประปา น้ำฝน เป็นถังกันตะไคร้น้ำ ชนิดแกรนิต

ถังเก็บน้ำใต้ดินชนิด PE

ถังเก็บน้ำใต้ดินชนิด PE ถังก็บน้ำชนิดฝังดิน ผลิตด้วยวัสดุโพลีเอททีลีน(POLYETHYLENE) มีข้อดีในเรื่องการประหยัดพื้นที่และในด้านภูมิสถาปัตย์ ที่ไม่รบกวนความสวยงามของบ้านพักอาศัยหรือสำนักงาน สามารกติดตั้งคู่กับปิ้มน้ำอัตโนมัติได้มีขนาดห้เลือกตั้งแต่ 600 – 6000 ลิตร